กัจจายะนะปาฬิ ข้อ 602

กฎไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ ข้อ 602 
ทุ-ม๎หิ ครุ แปลความได้ดังนี้

สุตตะ เป็นเสียงคะรุ ในเพราะอักขะระ (สัญโญคะ) 2 ตัว

วุตติ ในเพราะอักขะระสัญโญคะ 2 ตัว อักขะระตัวใดอยู่หน้า พึงทราบว่าอักขะระนั้นเป็น เสียงคะรุ 

อุทาหรณ์  ทั-ต๎วา  กั-ต๎วา  ฉิ-ต๎วา  หิ-ต๎วา  หุ-ต๎วา  ภุ-ต๎วา


กัจจายะนะปาฬิ ข้อ 602 พิมพ์ อักขะระสยาม-ปาฬิ / สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ

จากคำแปลตามกฎไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ นี้ สรุปได้ความว่า พยางค์รัสสะสระ คือ พยางค์ที่มีพยัญชนะเดี่ยวประกอบด้วยสระ อะ อิ อุ ที่อยู่หน้าพยางค์เสียงกล้ำ เป็นเสียงคะรุ ออกเสียง 2 มาตรา 

ทั้งนี้ ในพระไตรปิฎก ฉบับ จ.ป.ร. พ.ศ. 2436 ได้แสดงสัททสัญลักษณ์ไม้วัญฌการ  [  ] แสดงเสียงสะกด และไม้ยามักการ [ ] แสดงเสียงกล้ำไว้แยกกัน โดย 1 สัททสัญลักษณ์ ทำหน้าที่เพียง 1 หน้าที่เท่านั้น เมื่อเทียบกับไวยากรณ์แล้วไม่คลุมเครือในการออกเสียง ทั้งจากการตรวจเทียบเคียงด้วยอักขรวิธีอื่นก็มีความแม่นตรงจึงเป็นที่ยืนยันได้ว่า เสียงสะกดและเสียงกล้ำแยกจากกันชัดเจนเด็ดขาด โดยที่พยางค์สะกดไม่เคลื่อนเป็นเสียงกล้ำ และพยางค์เสียงกล้ำไม่เคลื่อนไปเป็นตัวสะกด เหมือนที่คุ้นเคยกัน


กัจจายะนะปาฬิ ข้อ 602 พิมพ์ อักขะระสยาม-ปาฬิ / อักขะระโรมัน-ปาฬิ

คัมภีร์กัจจายะนะ-ปาฬิ เข้าใจกันว่ารจนาโดยพระกัจจายะนะเถระ เมื่อ พ.ศ. 1 ถึง พ.ศ. 600 โดยประมาณ ไม่มีหลักฐานแน่นอน มีแต่คัมภีร์กัจจายะนะที่คัดลอกสืบต่อกันมาในปัจจุบัน ซึ่งต่อมาพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิด้านปาฬิภาสารุ่นหลังเห็นคัมภีร์กัจจายะนะ-ปาฬิว่ามีเนื้อหาค่อนข้างยาก ทั้งมีคำอธิบายเพียงเล็กน้อยจึงได้แต่งคัมภีร์อธิบายขยายความมากมายนับร้อยคัมภีร์ ต่อมาในแดนล้านนาได้นำมาศึกษาและเรียบเรียงขึ้นใหม่รู้จักกันว่า มูละกัจจายะนะ และเป็นหลักสูตรเรียนมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเห็นว่าเป็นการศึกษาลำบากเพราะมีเนื้อหาพิสดารจึงทรงจัดระเบียบใหม่และเรียบเรียงไวยากรณ์เล็กอย่างย่อขึ้นมาใช้แทน แล้วยกเลิกการศึกษาคัมภีร์สัททาวิเสสตั้งแต่นั้น

การเขียนเสียงปาฬิ ในพระไตรปิฎกปาฬิ  จุลจอมเกล้าบรมธัมมิกมหาราช (จ.ป.ร.)  อักขะระสยาม พ.ศ. 2436 ด้วย  การถอดอักขะระ (Transliteration)  และ  การถอดเสียง (Transcription)  เป็นวิธีการบันทึกพระไตรปิฎกที่มีประสิทธิภาพสูงในทางนิรุกติศาสตร์ เพราะสามารถป้องกันมิให้การออกเสียงและความหมายของเสียงปาฬิในพระไตรปิฎกเปลี่ยนไปจากเดิม ตามที่ได้อนุรักษ์สืบทอดมาตั้งแต่ปฐมมหาสังคายนา พ.ศ. 1 อักขะระสยาม-ปาฬิ เป็นการนําเสนอการเขียนเสียงปาฬิด้วยสัททสัญลักษณ์ ซึ่งเรียกว่า อักขรวิธี  ไม้อะ อักขะระสยาม-ปาฬิ  ซึ่งเป็นระบบการเขียนที่แยกแยะ เสียงอะ (เสียงไม่สะกด)  เสียงสะกด และ เสียงกล้ำ ออกจากกันอย่างชัดเจนตามกฎไวยากรณ์ในกัจจายะนะ-ปาฬิ กล่าวคือ เครื่องหมาย  ไม้-อั  [   ั  ] แสดงเสียง สระ-อะ,  เครื่องหมาย  ไม้วัญฌการ  [  ] แสดงเสียงสะกด และเครื่องหมาย  ไม้ยามักการ [ ] แสดงเสียงกล้ำ ปัจจุบันเรียกว่า อักขรวิธี ไม้อะ อักขะระสยาม-ปาฬิ เช่น สั-ก๎ยปุต์โต 

เสียงกล้ำ อักขะระสยาม-ปาฬิ ในพระไตรปิฎก จ.ป.ร. พ.ศ. 2436 เขียนว่า ตั-ส๎มา (ปัจจุบันรูปเขียนเป็น ตสฺมา) เป็นคำที่มีเป็นจำนวนมาก เมื่อยกขึ้นสวดมักได้ยินออกเสียงกันว่า (ตัส-สะ-หมา) ซึ่งออกเสียง  เสียงสะกด  ต่อเนื่องเป็น  เสียงกล้ำ  แม้คำเสียงกล้ำอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น ตุ-เม๎ห (ตุ-มเห) เขียนด้วยอักขรวิธีพินทุ ว่า ตุมฺเห ทำให้เข้าใจผิดอ่านออกเสียงจากพยางค์เสียงกล้ำกลายเป็นพยางค์เสียงสะกดไป (ตุม-มเห) เป็นต้น (ดู บทความเสียงสะกด และเสียงกล้ำ ในปาฬิภาสา) แต่เมื่อผู้เขียนได้ศึกษารูปศัพท์เหล่านี้จากคัมภีร์ไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ โดยเฉพาะ กฎข้อที่ 602 พบว่า พยัญชนะเสีียงกล้ำ จะปรากฏอยู่หลังสระเสียงสั้นของพยางค์หลังเสมอ กล่าวคือ พยางค์หลังจะออกเป็นเสียงกล้ำเท่านั้น ไม่ออกเป็นเสียงสะกดและต่อเนื่องเป็นเสียงกล้ำ 

กัจจายะนะ-ปาฬิ อักขะระสยาม-ปาฬิ/สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ by Dhamma Society on Scribd