พระไตรปิฎกอักขะระไตโหลง-ปาฬิ
ภาพโดยพระบรมราชานุญาต
หนังสือ ที่ พว 0005.1/771
พิธีสมโภชพระไตรปิฎกสากล ฉบับสัชฌายะ ชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทานต้นฉบับสัชฌายะ ซึ่งพิมพ์เป็นชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต (Tai Scripts) คู่ขนาน กับ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ (Thai Phonetic Alphabet-Pāḷi) ชุดต่างๆ รวม 9 ชุดอักขะระ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
สัททะอักขะระ (Phonetic Alphabet) ที่ใช้เขียนเสียงปาฬิในพระไตรปิฎกสากล อ้างอิงจากต้นฉบับ จ.ป.ร. อักษรสยาม พ.ศ. 2436 และสร้างสรรค์สำเร็จขึ้นเป็นสัททะอักขะระ (Phonetic Alphabet) และได้รับการจดเป็นสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา The World Tipiṭaka Patent No. 46390 พ.ศ. 2557 (2014) ซึ่งนับเป็นการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกด้วยสัททะอักขะระเป็นครั้งแรกของโลก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
อักขระไตโหลง-ปาฬิ
อักขะระไตใหญ่ ที่ใช้เขียนพระไตรปิฎกในปัจจุบัน หรือ ที่โครงการพระไตรปิฎกสากล เรียกว่า อักขะระไตโหลง-ปาฬิ มีอักขรวิธีเขียนที่คล้ายคลึงกับอักขะระไตคำตี่-ปาฬิ อักขะระไตพ่าเก-ปาฬิ และอักขะระไตอาหม-ปาฬิ สันนิษฐานว่าอินเดียได้รับการเผยแผ่มาจากชาติพันธุ์ไตโหลง ลักษณะพิเศษของอักขะระไตโหลง คือ มีเครื่องหมายที่เรียกกันตามท้องถิ่นว่า “ไม้แพ้ด” แสดงทั้งพยางค์เสียงสะกดและเสียงกล้ำ
เครื่องหมายไม้แพ้ด (ดูรูปด้านล่าง) ใช้กำกับพยัญชนะตัวที่สองของพยางค์เสียงสะกด ทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายแสดงพยัญชนะเสียงสะกดเหมือน ไม้วัญฌการ ( ์ ) ในอักขะระไตสยาม-ปาฬิ และไม้แพ้ดใช้กำกับพยัญชนะตัวที่หนึ่งของพยางค์เสียงกล้ำ ทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายแสดงพยัญชนะเสียงกล้ำเหมือน ไม้ยามักการ ( ๎ ) ในอักขะระไตสยาม-ปาฬิ อีกด้วย
อักขะระไตโหลงในพระไตรปิฎกชุดนี้ เป็นการเรียงพิมพ์ตามอักขรวิธีต้นฉบับในคัมภีร์ใบลานที่สืบทอดมาในอดีต ตามหลักการปริวรรตที่เรียกว่า การถอดอักษร หรือที่โครงการพระไตรปิฎกสากลเรียกว่า การถอดอักขะระ-ปาฬิ (Pāḷi Alphabetic Transcription) ในการจัดพิมพ์เป็นฉบับสัชฌายะนี้ ได้พิมพ์อักขะระไตโหลง คู่ขนาน กับชุดสัททะอักขะระไทย-ปาฬิ ตามหลักการถอดเสียงอย่างละเอียดในทางภาษาศาสตร์ ที่เรียกว่า การถอดเสียงปาฬิ (Pāḷi Phonetic Transcription) ซึ่งได้มุ่งเน้นการออกเสียงละหุ (พิมพ์สีเบาโปร่ง) และเสียงคะรุ (พิมพ์สีเข้มทึบ) ตามหลัก พยัญชะนะกุสะละ (Byañjanakusala) ในพระวินัยปิฎก ปริวารวัคค์ข้อ 455 โดยอ้างอิงกับไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นการออกเสียงปาฬิให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ มีรายละเอียด ดังนี้
สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ (Thai Phonetic Alphabet Pāḷi) เป็นการเขียนเสียงปาฬิ ในทางวิชาการด้านภาษาศาสตร์ ด้วยรูป อักขะระไทย (Thai Alphabet) ที่พัฒนาจาก อักขะระสยาม-ปาฬิ และ สัททะอักขะระสยาม-ปาฬิ พร้อมกับระบบสัททสัญลักษณ์ปาฬิ (Pāḷi Phonetic Symbol) ตามที่ได้นำเสนอแล้วในที่ประชุมสำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 และต่อมาได้มีการจัดพิมพ์ลงในวารสารราชบัณฑิตยสถาน เพื่อแสดงการเขียนเสียงปาฬิให้แม่นตรงตามหลักไวยากรณ์ในกัจจายะนะ-ปาฬิ อันเป็นการเขียนตามแนวอักขรวิธีสยามปาฬิ ในพระไตรปิฎก จ.ป.ร. พ.ศ. ๒๔๓๖ โดยไม่คำนึงถึงเสียงวรรณยุกต์สูงต่ำในภาษาไทย โดยเขียนรูป สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ และสัททสัญลักษณ์ปาฬิ ในเครื่องหมายวงเล็บสัททสัญลักษณ์สากล [ ] มีหลักการดังนี้
1. การสร้างตาราง การถอดเสียง (Transcription) ชุด สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ เป็นการจัดรูป อักขะระ ที่แสดงที่กำเนิดเสียงปาฬิตามฐานอวัยวะภายในปากกับลิ้น หรือที่เรียกว่า ฐาน-กรณ์
2. สร้าง สัททสัญลักษณ์ (Phonetic Symbol) ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ กำหนดการออกเสียง ดังนี้
2.1 รูป สระ-อะ ที่ลดรูปใน อักขะระสยาม-ปาฬิ ใน สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ จะแสดงรูป สระ-อะ เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ เขียนว่า ปน สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ จะเขียนว่า [ปะนะ] สังเกตการพิมพ์สีเบาโปร่งแสดงเสียงละหุ
2.2 กรณีที่ อักขะระสยาม-ปาฬิ มี ไม้-อะ ( ั ) นำหน้าพยัญชนะเสียงสะกด ซึ่งแสดงด้วย พยัญชนะที่กำกับด้วย ไม้วัญฌการ ( ์ ) เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ เขียนว่า ตัส์ส สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ จะคงรูป ไม้-อะ ไว้ แต่งดรูปไม้วัญฌการ เขียนว่า [ตัสสะ] ส่วนสระอื่นๆ ซึ่งตามด้วยเสียงสะกด ก็ยังคงรูปสระไว้ และงดรูปไม้วัญฌการ เช่นเดียวกัน
2.3 กรณีที่ อักขะระสยาม-ปาฬิ มี ไม้-อะ นำหน้าพยัญชนะเสียงกล้ำ ซึ่งกำกับด้วยไม้ยามักการ ( ๎ ) เช่น ต๎ว ใน กัต๎วา สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ จะเขียนว่า [กะตวา] เพื่อมุ่งเน้นเสียง สระ-อะ ให้ออกเสียงเป็นพิเศษตามหลักไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ ข้อ 602 ที่กำหนดว่า สระเสียงสั้นที่นำหน้าพยัญชนะเสียงกล้ำ เป็น เสียงคะรุ-ออกเสียงนานขึ้น และใช้สัททสัญลักษณ์ ไม้กล้ำ กำกับใต้พยัญชนะเสียงกล้ำทั้งสองตัว
สังเกต สระ-อะ ซึ่งเป็นสระเสียงสั้นพิมพ์สีเข้มทึบ แสดงเสียงนานขึ้น เช่น ใน อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า กัต๎วา สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ เป็น [กะตวา] หิต๎วา เป็น [หิตวา] และ คุย๎หํ เป็น [คุยหัง] และมีการใช้เครื่องหมายจุดแบ่งพยางค์ [ . ] ทุกครั้ง เพื่อให้ออกเสียงได้ง่าย
2.4 ในคำที่มีไม้ยามักการกำกับและอยู่หลัง สระ-เอ หรือ สระ-โอ เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ เขียนว่า เท๎ว ตุเม๎ห มูโฬ๎ห ใน สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ จะเขียนสลับตำแหน่งโดยนำพยัญชนะเสียงกล้ำตัวแรกมาอยู่หน้าสระ เอ หรือ โอ และเขียนสัททสัญลักษณ์ไม้กล้ำ ใต้อักขะระสามตัวเป็น [ดเว] [ตุมเห] และ [มุฬโห] ตามความนิยมในอักขรวิธีเขียนในภาษาไทยปัจจุบัน และจะใช้เครื่องหมายจุดแบ่งพยางค์ [ . ] ทุกครั้ง เพื่อให้ออกเสียงได้ง่าย
2.5 สระ-เอ สระ-โอ เมื่อตามด้วยพยัญชนะเสียงสะกด ให้ออกเป็นสระเสียงสั้น ตามคำอธิบายในไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ ใช้สัททสัญลักษณ์ ไม้ไต่คู้ ( ็ ) แสดงเสียงสระเสียงสั้น ที่เป็นละหุ-ออกเสียงเร็ว เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า โกณ์ฑัญ์ญ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ ว่า [โก็ณฑัญญะ]
2.6 เครื่องหมาย ง-พินทุโปร่ง ( งํ ) เป็นพยัญชนะที่ประกอบกับสระเสียงสั้น (อ อิ อุ) เป็นสัญลักษณ์แทนเสียงนิคคะหิต ที่เกิดที่จมูกเท่านั้น เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า สํกัป์ปํ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ เขียนว่า [สังํกัปปังํ] อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า เอตัส๎มิํ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ เขียนว่า [เอตะสมิงํ] อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า ภิกขุํ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ เขียนว่า [ภิกขุงํ]
3. พิมพ์สัททสัญลักษณ์ของเสียงละหุคะรุ ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล กล่าวคือ เสียงละหุ-ออกเสียงเร็ว พิมพ์สีเบาโปร่ง เสียงคะรุ-ออกเสียงนานขึ้น พิมพ์สีเข้มทึบ ซึ่งเป็นการจัดทำเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตามหลักการออกเสียงละหุคะรุตามกฎไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ
อักขรวิธีไตโหลง ภาพล่างซ้าย สังเกตได้ว่าเขียนเสียงกล้ำ เช่น ตร ใน ตัต๎ริเม ด้วยไม้แพ้ด เป็นเสียงกล้ำในพยางค์หลังเท่านั้น อ่านว่า [ตะตริเม] ไม่อ่านเป็นเสียงสะกด และถ้าจะอ่านให้เป็นเสียงสะกดและลากเป็นเสียงกล้ำในพยางค์ถัดไปจะต้องมี ต เพิ่มอีก 1 อักขะระ หรืออักขะระไตโหลงจะต้องมีอักขะระ ไม้แพ้ดอีก 1 ตัว จึงจะอ่านว่า [ตัตตริเม] ดังตัวอย่างภาพล่างขวา ซึ่งคำนี้ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ดังนั้นการนำสัททะอักขะระไทย-ปาฬิ และสัททะอักขะระโรมัน-ปาฬิ มาพิมพ์คู่ขนานในฉบับสัชฌายะ ทำให้เป็นการง่ายในการอ่านเสียงสะกดและเสียงกล้ำที่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด
ขอขอบคุณ พันเอก (พิเศษ) สุรธัช บุนนาค นายกกองทุนสนทนาธัมม์นำสุขฯ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ และคณะ ที่ดำเนินการออกแบบ บันทึกอักขะระไตโหลง-ปาฬิ ชุดนี้ เพื่อจัดพิมพ์เป็นพระไตรปิฎกสากล ฉบับสัชฌายะ ชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต พ.ศ. 2563
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิจินตน์ ภาณุพงศ์
ประธานกองทุนสนทนาธัมม์นำสุข ท่านผู้หญิง ม.ล.มณีรัตน์ บุนนาค
ในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา
ประธานมูลนิธิพระไตรปิฎกสากล
พ.ศ. 2563
ภาพโดยพระบรมราชานุญาต
หนังสือ ที่ พว 0005.1/771
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ผู้ทรงเป็นประธานการพิมพ์เพื่ออนุรักษ์ต้นฉบับ พระไตรปิฎก จ.ป.ร. อักษรสยาม พ.ศ. 2436 เสด็จเป็นประธานในพิธีพระราชทาน ต้นฉบับสัชฌายะ (Sajjhāya Phonetic Edition) ในพระไตรปิฎกสากล ซึ่งจัดพิมพ์เป็นชุด อักขะระชาติพันธุ์ไตชุดต่างๆ (Tai Scripts) คู่ขนาน กับ สัททะอักขะระไทย-ปาฬิ (Thai Phonetic Alphabet-Pāḷi) รวม 9 ชุดอักขะระ โดยได้พระราชทานต้นฉบับแก่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ และ ศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. 2557 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
พิธีสมโภชพระไตรปิฎกสากลจัดขึ้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวาระที่ ชุดสัททะอักขะระในการพิมพ์พระไตรปิฎกสากลดังกล่าว สามารถสร้างสรรค์สำเร็จขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในรัชกาลที่ 9 โดยได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาฉบับแรก The World Tipiṭaka Patent No. 46390 พ.ศ. 2557 (2014)
ต้นฉบับพระไตรปิฎกสากล ชุดสัททะอักขะระ-ปาฬิ (Pāḷi Phonetic Alphabet) ได้พระราชทานแก่สถาบันศาล ในฐานะที่พระไตรปิฎกเปรียบเป็นพระธรรมศาสตร์เก่าแก่ ซึ่งเป็นรากฐานทางกฎหมายของมนุษยชาติ ซึ่งศาลเป็นผู้ใช้อำนาจทางตุลาการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตรย์ไทย
หมายเหตุ : ในภาพคือต้นฉบับ ภิกขุปาติโมกขะปาฬิ อักขะระไตขืน-ปาฬิ (เชียงตุง) จากชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต-ปาฬิ 9 ชุดอักขะระ ปัจจุบัน พ.ศ. 2563 ได้มีการเพิ่มเป็นพระไตรปิฎกสากล 18 ชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต ชุดละ 40 เล่ม เป็นทั้งชุดหนังสือและระบบดิจิทัลพร้อมเสียงสัชฌายะดิจิทัล รวม 3,052 ชั่วโมง ความจุ 1.6 เทราไบต์
1V-tailong by on Scribd